ทำความรู้จักกับ “โรคไขมันพอกตับ”
รู้หรือไม่ว่าไขมันพอกตับหรือไขมันเกาะอยู่ที่ตับอาจนำไปสู่การเป็นมะเร็งตับได้ และรู้หรือไม่ว่าคนไทย 25-30% ไม่รู้ตัวว่าตนเองนั้นเผชิญกับภาวะไขมันพอกตับโดยไม่รู้ตัว โดยเฉลี่ยแล้วภาวะนี้สามารถเกิดได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชายมักจะพบได้ในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไปเป็นส่วนใหญ่ และที่สำคัญคือโรคนี้มักจะไม่แสดงอาการออกมาให้เห็นจึงเป็นภัยเงียบที่ผู้ป่วยจะต้องระมัดระวังด้วยตนเอง ซึ่งหนึ่งในสี่ของคนที่กำลังเผชิญภาวะไขมันพอกตับก็จะนำไปสู่ตับแข็งและมะเร็งตับได้ รวมทั้งคนที่มีภาวะของการเป็นไขมันพอกตับยังมีโอกาสเพิ่มการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตามมาอีกด้วย
“โรคไขมันพอกตับ” คืออะไร
ภาวะไขมันพอกตับ (Fatty Liver) เป็นลักษณะของสภาวะที่มีการสะสมของไขมันในเซลล์ตับซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบไขมันที่เรียกว่า Triglyceride โดยเกิดจากการที่มีปริมาณของน้ำตาลซึ่งเป็นส่วนเกินที่ร่างกายต้องการมากเกินไปจนทำให้เกิดการนำไปสะสมอยู่ที่ตับและสะสมมาในรูปแบบของการสร้างไขมัน ในร่างกายของคนเราตับอ่อนจะทำหน้าที่ผลิตการควบคุมน้ำตาลหรืออินซูลินขึ้นมาเพื่อให้ระดับน้ำตาลของเราอยู่ในสภาวะปกติ เมื่อไหร่ก็ตามที่เราได้รับน้ำตาลมากเกินไปหรือเรียกว่าน้ำตาลในเลือดสูง ตับอ่อนก็จะผลิตอินซูลินให้ออกมามากกว่าปกติเพื่อจะควบคุมน้ำตาล ซึ่งอินซูลินที่ถูกผลิตออกมาจะไปออกฤทธิ์ที่บริเวณตับกล้ามเนื้อและเซลล์ไขมันเพื่อให้ใช้น้ำตาลได้ หากไม่ควบคุมน้ำหนักหรือมีภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเกินไปก็อาจจะนำไปสู่ภาวะดื้อต่ออินซูลิน อย่างไรก็ตามสภาวะนี้เกิดได้จากพันธุกรรมหรือจากพฤติกรรม
ในร่างกายของคนเราตับอ่อนจะทำหน้าที่ผลิตการควบคุมน้ำตาลหรืออินซูลินขึ้นมาเพื่อให้ระดับน้ำตาลของเราอยู่ในสภาวะปกติ เมื่อไหร่ก็ตามที่เราได้รับน้ำตาลมากเกินไปหรือเรียกว่าน้ำตาลในเลือดสูง ตับอ่อนก็จะผลิตอินซูลินให้ออกมามากกว่าปกติเพื่อจะควบคุมน้ำตาล ซึ่งอินซูลินที่ถูกผลิตออกมาจะไปออกฤทธิ์ที่บริเวณตับกล้ามเนื้อและเซลล์ไขมันเพื่อให้ใช้น้ำตาลได้ หากไม่ควบคุมน้ำหนักหรือมีภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเกินไปก็อาจจะนำไปสู่ภาวะดื้อต่ออินซูลิน อย่างไรก็ตามสภาวะนี้เกิดได้จากพันธุกรรมหรือจากพฤติกรรม
การป้องกันโรคไขมันพอกตับ
ลักษณะส่วนใหญ่ของคนที่เป็นโรคนี้จะไม่ได้มีการแสดงอาการออกมา แนวทางการป้องกันที่สำคัญคือควรจะมีการตรวจสุขภาพประจำปี การตรวจสุขภาพประจำปีจะได้ดูลักษณะของการทำงานของตับดูได้ว่ามีค่าการอักเสบสูงกว่าปกติหรือไม่และยังสามารถเป็นการประเมินภาวะเบื้องต้นได้ว่าร่างกายของเรานั้นมีระดับน้ำตาลและไขมันในเลือดสูงกว่าปกติหรือไม่ได้ด้วยเช่นกัน
นอกจากการเจาะเลือดตรวจดูการทำงานของตับแล้วก็สามารถตรวจอัลตร้าซาวด์บริเวณช่องท้องโดยตรงเลยเพื่อดูว่าตับนั้นมีขนาดปกติหรือไม่หรือตับของคุณมีขนาดใหญ่และโตรวมทั้งลักษณะขาวขึ้นเมื่อเทียบกับไตและม้าม และหมั่นดูแลสุขภาพร่างกายในส่วนของการปรับพฤติกรรมให้ดี ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมของการรับประทานอาหารที่ไม่บริโภคน้ำตาลสูงเกินไป
และนอกจากนี้เรายังสามารถเลือกรับประทานผักบางชนิดเพื่อช่วยในการเร่งการกำจัดพิษที่อยู่ที่ตับออกไปได้อีกด้วย โดยผักชนิดที่แนะนำคือ ผักตระกูลบร็อคโคลี่ทั้งหมด ผักกะหล่ำ กระเทียม และหัวหอม ควบคุมน้ำหนักให้เหมาะสม ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์